จำได้ว่าสมัยเด็กๆ นานๆทีจะไปโรงพยาบาลสักครั้ง และเท่าที่จำได้คนป่วยที่ไปโรงพยาบาลก็มีไม่เยอะมาก แต่สมัยนี้เวลาไปโรงพยาบาลที อาจต้องรอคิวกันนานๆนับชั่วโมง อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมหนอคนป่วยจึงมากขึ้นๆ ทั้งๆที่สุขอนามัยของคนสมัยนี้น่าจะดีกว่าคนเมื่อสมัยยี่สิบสามสิบปีก่อน (รู้อายุกันพอดี ^^) ส่วนตัวนายข้าวหอมก็ไม่ได้เป็นคนแข็งแรงมากนัก แต่ก็ไม่ได้ป่วยบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะป่วยก็ไข้หวัดบ้าง ภูมิแพ้บ้าง

กรณีที่เราป่วยเป็นไข้หวัด เกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งตามปกติร่างกายจะมีกลไกสร้างภูมิต้านทานและสามารถกำจัดเชื้อโรคได้เอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องทานยา ยกเว้นกรณีที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ พักผ่อนไม่เพียงพอ คุณหมอก็อาจให้ยามาช่วยบ้าง

แต่ในกรณีภูมิแพ้ หรือโรคอื่นๆเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ มะเร็ง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หากแต่เกิดจากขาดสภาวะสมดุลย์ในร่างกาย อวัยวะต่างๆไม่สามารถทำงานได้ตามที่ควรหรือทำงานผิดปกติ  สาเหตุหลักๆที่ทำให้คนเราป่วยด้วยโรคเหล่านี้ มักจะเกิดจากการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง สังเกตจากอาหารสมัยนี้ที่มักจะมีทั้ง แป้งสาลี นม เนย ชีส น้ำตาล น้ำมันพืช และสารเคมีปนเปื้อนสารพัด จากการอ่านบทความต่างๆ นายข้าวหอมเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินตามใจ (ปาก) มาเป็นการกินตามสติ (ดูบ้าง) เช่นการทานผลิตภัณฑ์นม เนย ขนมปัง ขนมเค้กให้น้อยลง เปลี่ยนจากการทานข้าวขาวมาทานข้าวกล้องหอมมะลิ (ออร์แกนิค)  บ้าง ทานข้าวไรซ์เบอรี่ (ออร์แกนิค) บ้าง ทานข้าวหอมมะลิผสมข้าวนิล (ออร์แกนิค) บ้าง ผักสด ผลไม้ก็ล้างน้ำสะอาดหลายๆรอบ ใช้เวลาไม่นานนักก็พบว่าอาการภูมิแพ้ที่เคยเป็นกลับหายไปเองโดยไม่ต้องทานยาเหมือนสมัยก่อน แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามใจปากมาตามใจสติ มักจะต้องควบคู่ไปกับการเข้าครัวทำอาหารกินเองและหุงข้าวกินเองครับ เพราะว่าเราสามารถควบคุมวัตถุดิบได้ และเราดูแลเรื่องความสะอาดได้ 100%

ลองดูนะครับ ไม่ยากอะไร เพียงแต่ว่าต้องเข้าครัวบ่อยๆและลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แล้ววันนึงคุณจะพบว่า อาหารที่เราทำเองมันดีต่อสุขภาพและดีต่อใจด้วย ถ้ามันอร่อยนะครับ 555