การทำนา “แบบประณีต” หรือภาษาอังกฤษคือ SYSTEM OF RICE INTENSIFICATION มีหลักการง่ายๆคือ การดำนากล้าต้นเดียว เปียกสลับแห้ง แกล้งข้าว เหตุที่ต้องแกล้งข้าวเพื่อให้ข้าวมีความแข็งแรงกว่าการทำนาแบบทั่วไป ก็เหมือนคนเราที่ยิ่งถูกโชคชะตากลั่นแกล้งยิ่งมีภูมิต้านทานความทุกข์และทำให้แข็งแกร่งได้นะครับ ^^

กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ขั้นตอนการทำนาข้าวแบบประณีต เริ่มจากการนำเมล็ดพันธุ์ที่ดี มาเพาะเป็นต้นกล้าให้มีอายุราว 10-15วัน จากนั้นก็นำไปปักดำในนาข้าวให้มีระยะห่างกัน 30-40 ซม. เพื่อให้ต้นข้าวแต่ละต้นมีพื้นที่ในการเจริญเติบโตและไม่แย่งอาหารกันเอง พืชจะมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ ไม่ต้องให้ปุ๋ยเคมีใดๆ การดำข้าวเป็นแถวเป็นแนวยังง่ายต่อการกำจัดต้นหญ้าและวัชพืชอื่นๆได้ด้วยครับ

ในระยะแรกก็จะมีการทดน้ำเข้านาข้าวให้มีความสูงประมาณ 5 ซม. จากนั้นก็ปล่อยให้น้ำค่อยๆแห้งลงตามธรรมชาติ แต่ยังคงให้มีความชื้นในดินลึกลงไปไม่เกิน 15 ซม. โดยใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำที่ทำเองได้ง่ายๆ เรียกว่า “ท่อแกล้งข้าว” ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่หรือท่อพีวีซี เหตุที่ต้องแกล้งข้าวให้น้ำน้อยลงเพื่อข้าวจะได้แตกรากลึกลงไปดูดน้ำจากด้านล่างทำให้รากแข็งแรง และกระตุ้นให้ข้าวแตกกอดียิ่งขึ้น ในช่วงนาแห้งจะมีวัชพืชขึ้น ชาวนาก็จะต้องคอยใช้คราดหมุน หรือส่งเป็ดอาสา (เป็ดเลี้ยง) ไปช่วยกำจัด โดยหลักการนี้จึงไม่จำเป็นต้องต้องใช้ยาเคมีใดๆในการกำจัดวัชพืชเลยละครับ

เมื่อน้ำลดไป(ในดิน)ถึงระดับ 15 ซม. ก็จะทดน้ำกลับเข้าที่นาใหม่ ทำวนเวียนแบบเดิม ประมาณ 3 รอบ จนข้าวเริ่มตั้งท้อง (ออกรวงข้าว) ก็ทดน้ำกลับเข้าที่นาแล้วรักษาระดับน้ำไว้ จากนั้นค่อยทดน้ำออกก่อนจะทำการเกี่ยวข้าว 15-20 วัน

โดยหลักการทำนาข้าวแบบประณีต จะมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าการทำนาข้าวทั่วไป ไม่มียาเคมี ไม่เป็นอันตรายต่อเกษตรกร ต้นทุนในการผลิตก็ถูกกว่า แถมยังประหยัดน้ำมากกว่า และผู้บริโภคอย่างเราๆก็ได้ทานข้าวออแกนิค ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่เจ็บไม่ป่วย ไม่จนกันทุกคนนะครับ แถมโลกเรายังสะอาดขึ้นด้วย

อ่านแล้วรีบซื้อข้าวออแกนิคมาทานกันเถอะนะครับ ^^