นี่มันยุค Thailand 4.0 แล้ว แต่ทำไมยังต้องมาทำนาปลูกข้าว ทำไมไม่ไปทำ STARTUP เท่ๆนะ ..

คน Gen Y (ลูกป้าหอม) คิดว่าการปลูกข้าวปล่อยให้เป็นเรื่องของคน Gen X (ป้าหอม) หรือคนยุคก่อนหน้านี้ทำไปก็ได้นะ

อีกไม่นานก็จะมีหุ่นยนต์ ที่มาพร้อมระบบ AI (Artificial Intelligent) ที่สามารถโปรแกรมให้ทำนาตลอดทั้งปีได้แล้ว

.

.

.

ป้าหอม ไม่ได้บังคับลูกหรือใครให้มาทำนาในแบบที่ป้าหอมทำ

ป้าหอม ไม่ได้บอกว่า ชอบหรือ ไม่ชอบที่จะต้องมาทำนา

แต่ป้าหอมใช้ความรับผิดชอบ มาเป็นหลักในการทำนา

หลักปรัชญาพอเพียง ที่ป้าหอมเดินตามโดยไม่ลังเล

10 ปีของการทำนา ที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว คือคนที่บ้านต้องได้กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร

10 ปีของการทำนา ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้บริโภค คนซื้อต้องได้กินข้าวดีๆ กินแล้วไม่เจ็บ ไม่ป่วย

10 ปีของการทำนา ที่ต้องรับผิดชอบต่อผืนดิน ผืนน้ำ ผืนฟ้า ต้องเก็บรักษาไว้ให้เป็นมรดกของลูกหลาน

10 ปีของการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ที่ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมี ไม่ต้องมียาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง

10 ปีก่อนที่ไม่มีคนเชื่อว่า ถึงวันนี้ป้าหอมจะขายข้าวออร์แกนิคไปยุโรปได้ กิโลกรัมละ 220 บาท

.

10 ปีที่ป้าหอมทำ STARTUP SURIN 4.0 มาก่อนใครๆ

.

ป้าหอม ไม่ได้บอกว่า ยากหรือง่าย

ป้าหอมบอกเพียงว่า “เด็กสมัยนี้เค้าบอกต้องทำงานที่เค้าชอบ ถ้าไม่ชอบเค้าไม่ทำ”

“ชอบ ไม่ชอบ มันเป็นเรื่องของอารมณ์นะ อย่าเอาอารมณ์มาใช้ในการทำงาน”

“ความรับผิดชอบ สิ ที่ต้องเอามาใช้ในการทำงาน”

“นี่คุณ ป้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาคุยด้วยแล้วละนะ”

แล้วป้าหอมก็เดินออกไปสั่งงาน

“ไอ้ดำๆ มาเอาของไปขึ้นรถเร็วๆ ลูกค้าเยอรมันเค้าเร่งมาว่าต้องส่งของวันนี้นะ”