เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนมัธยมของผมคนหนึ่ง เพื่อนผมมันแสดงจริง เล่นจริง ไม่มีลวดสลิง ไม่มีแสตนด์อิน .. แล้วก็เจ็บจริงๆนะครับ

เมื่อราวๆ 13 ปีก่อน เพื่อนผมคนนี้เปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าพลาซ่าชื่อดังแห่งหนึ่งกลางใจกรุงเทพฯ กิจวัตรประจำวันของเพื่อนผมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการนั่งกิน “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” เป็นอาหารมื้อเช้าควบมื้อกลางวันอยู่ในร้านตัวเอง เหตุเพราะต้องนั่งเฝ้าร้าน ไม่มีคนมาสลับสับเปลี่ยน ผมเคยถามมันว่า ทำไมไม่สั่งข้าวแกงมากินบ้าง เพื่อนผมมันบอกว่า “กับข้าว 2 อย่าง 40-50 บาท แพงว่ะ” กิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่ละประหยัดดี ห่อละ 5 บาท มีให้เลือกกินตั้งหลายแบบ ทั้ง ต้มยำ หมูสับ เย็นตาโฟ เป็ดพะโล้ หมูน้ำตก มันบอกว่ากินได้ อร่อยดี ไม่มีปัญหา กินเช้าควบกลางวัน 2 ห่อ 10 บาทเอง มื้อเย็นข้าวแกงอีก 1 จาน น้ำอัดลมอีกวันละ 3 ขวด ต่อวันรวมๆไม่เกิน 90บาท

ที่ผมอึ้ง ทึ้ง เสียว … คือเพื่อนผมมันทำแบบนี้เป็นกิจวัตรประจำวันติดต่อกันเป็นระยะเวลานานร่วม 10 ปีเลยครับ แต่ละครั้งที่ผมไปเจอมันที่ร้าน มันก็จะอ้วนขึ้นๆ บวมขึ้นๆ ทุกที ดูแล้วก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ จนกระทั้ง 3 ปีที่แล้วมาทราบข่าวมันอีกครั้งทางไลน์ จากเพื่อนหมอคนหนึ่ง บอกว่า ตอนนี้เพื่อนผมมันช็อกและหมดสติ ต้องแอดมิดที่ ร.พ. หนึ่งอาทิตย์ ผลการตรวจโรคที่เพื่อนหมอบอกมาคือ มันป่วยเป็น เบาหวาน ความดันสูง มีภาวะไตเสื่อม และตรวจพบก้อนเนื้องงอกบริเวณชายโครง

ที่แย่ไปกว่านั้นคือภาวะทางเศรษฐกิจของมันก็ย่ำแย่ตามสุขภาพไปด้วย ร้านที่เปิดขายสินค้ามีอันต้องถูกปิดลงไปเพราะขาดทุน  แต่ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆหลายคนร่วมกันลงเงินช่วยเหลือมันเรื่องค่ารักษาพยาบาล นับถึงวันนี้นานราว 3 ปีกว่ามาแล้ว ที่มันยังต้องเข้าๆ ออกๆ ร.พ. เป็นประจำทุกๆเดือน ค่าหยูกค่ายาต่อปีขั้นต่ำก็ตกราวๆ 16,000-20,000บาท ถ้ายาดีหน่อยก็น่าจะแพงกว่านี้หลายเท่าตัว นี่ยังไม่นับค่ายาที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอีกนะครับ ลองคำนวนกันดูเล่นๆนะครับว่า ค่าอาหารไร้คุณภาพ อาหารฟาสต์ฟู้ด ที่เราคิดว่าถูกแสนถูก ค่าน้ำอัดลม น้ำหวานสีชาๆ ที่เราคิดว่าไม่แพง แล้วกินกันเป็นว่าเล่น บวกกับค่ารักษาพยาบาลในอนาคตที่ต้องป่วยแน่ๆ ว่ามันราคาถูกจริงไหม หรือเราประหยัดกันไปเพื่อเอาเงินไปให้ ร.พ. ตอนป่วย มันประหยัดจริงหรือ

แต่ที่สำคัญไปกว่าเรื่องเงิน .. คือเรื่องชีวิตนะครับ เพราะเวลาคนเราป่วยมันกระทบไปทุกเรื่อง ทั้งเรื่องอาชีพ การงาน ความรัก ครอบครัว ฯลฯ

ลองพิจารณากันดูครับ 10 ปีจะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่นาน ที่แน่ๆการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเพราะมันอร่อยหรือคิดว่าถูกก็แล้วแต่ สุดท้ายตัวเราเองที่จะป่วยและต้องรักษาตัวไปอีกนานเลยนะครับ .. จนกว่าจะได้ไปพบยมบาลนั้นละ